ปัจจุบันวัยรุ่นส่วนใหญ่นิยมสักลายกันมากขึ้น และด้วยเหตุผลที่ต่างกันไป เช่น ความชอบส่วนตัว สักคู่กับคนรัก ตามแฟชั่น ตามเทรน หรือตามความเชื่อเพื่อเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง เป็นต้น แต่หากโตขึ้นมีหน้าที่การงานจะต้องรับผิดชอบ และในบางครั้งรอยสักก็เป็นอุปสรรค์ในการทำงาน ทำให้หลายคนจึงต้องการและมองหาแนวทางการลบรอยสักออก แล้ววิธีการเลเซอร์ลบรอยสักเป็นวิธีเหมาะสมกับใคร? ทำให้ผิวหนังเป็นแผลเป็นไหม?
รอยสักมีผลต่อการทำงานอย่างไร?
ในบางครั้งรอยสักก็อาจส่งผลต่อหน้าที่การงานในบางตำแหน่ง เนื่องจาก
- ทำให้มีความไม่น่าเชื่อถือต่อการทำงาน
- ทำให้ภาพลักษณ์องค์กรดูไม่ดี เพราะมีหลายองค์กรที่เน้นเรื่องภาพลักษณ์เป็นหลัก
- ถูกมองว่าเป็นคนที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม หรือ ประพฤติตัวไม่ดีเนื่องจากบริษัทอาจทำให้ดูก้าวร้าว
- ไม่สามารถทำงานราชการได้ เพราะระบบราชการไทยยังไม่สามารถรับคนที่มีรอยสัก
การลบรอยสักมีอะไรบ้าง แต่ละวิธีเห็นผลมากน้อยแค่ไหน?
- การผ่าตัด เป็นการเอาผิวหนังบริเวณที่มีปัญหาออก และเย็บผิวเข้าหากัน หลังทำจะรู้สึกเจ็บปวด บางรายอาจมีเลือดไหลไม่หยุด ถึงขั้นผิวหนังติดเชื้อได้ และอาจเกิดรอนแผลเป็นขึ้นได้
- การใช้น้ำยาลบรอยสัก เป็นวิธีที่ทำได้ง่าย แต่ต้องระวังไม่ให้น้ำนาโดนส่วนอื่นๆ เพราะจะทำให้ผิวบริเวณนั้นหลุดออกมาได้ หลังทำ จะรู้สึกปวดแสบปวดร้อน บางรายอาจเกิดผิวหนังไหม้จนผิวอักเสบติดเชื้อขึ้นได้
- การทาครีมลบรอนสัก เป็นการนำครีมมาทาตรงรอยสักที่ต้องการกำจัดออก แร็พไว้ประมาณ 30 นาที รอยสักก็จะเริ่มจางหายไปทีละนิด ต้อวมีการทำอยู่หลายครั้งถึงจะเห็นผล บางรายเกิดอาการแพ้สารในตัวครีมจึงทำให้เกิดตุ่มใส คัน จนกลายเป็นโรคผิวหนังอักเสบ รักษาหายยากมาก
- เลเซอร์ลบรอยสัก เป็นวิธีที่ให้ผลไว ทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ระหว่างทำจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย หลังทำดูแลง่าย ไม่เกิดรอยแผลเป็น และสามารถช่วยคือสภาพผิวให้เรียบเนียนสีผิวสม่ำเสมอ เป็นการลบรอยสักที่ให้ปลอดภัยมากที่สุด
ทำรู้จักกับเลเซอร์ลบรอยสัก
การทำเลเซอร์ลบรอยสัก เป็นนวัตกรรมการลบรอยสักที่ลบผ่านการยิงของคลื่นพลังงานลำแสงจากเลเซอร์ เพื่อเข้าไปสู่ใต้ชั้นผิวหนังที่มีเม็ดสีในแต่งเติมด้วยสีน้ำหมึกเพื่อช่วยลดเม็ดสีให้ดูจางลง หากทำอย่างต่อเนื่องก็จะช่วยให้รอยสักหายไปจนแทบจะไม่เหลือให้เห็นได้อีกเลย
การทำงานของ Picoway เลเซอร์ลบรอยสัก?
การทำงานของ Picoway ที่สามารถปล่อยแสงเลเซอร์ในระดับนาโนเซคคันด์ (1 นาโนเซคคันด์ = 1 ในพันล้านวินาที) เพื่อช่วยลดอนุภาคของเม็ดสีน้ำหมึกในรอยสักให้มีขนาดที่เล็กลงมากๆ ส่งผลให้ร่างกายสามารถกำจัดเม็ดสีผิดปกติดังกล่าวออกได้อย่างง่ายดายกว่าวิธีอื่นๆ และช่วยผลิตเม็ดสีผิวที่ปกติขึ้นมาทดแทนใหม่ได้ จึงส่งผลให้รอยสักเลือนลากดูจางลงได้อย่างรวดเร็ว
จำนวนครั้งในการรักษา?
จำนวนครั้งในการรักษาส่วนมากอยู่ที่ประมาณ 5-10 ครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ อีกทั้งยังช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น
หลักเกณการประเมินที่มีผลต่อจำนวนครั้งของการลบรอยสัก?
ขนาดของรอยสัก จะเล็กหรือใหญ่อาจจะไม่ได้มีผลเท่ากับสี เพราะแต่ละสีจะมีความยากง่ายในการลบที่แตกต่างกัน ตำแหน่งของร่างกายที่สัก มีผลต่อการเกิดแผลเป็นหลังจากการลบรอยสัก เช่น ตรงบริเวณหลัง หรือ บริเวณหน้าอก ซึ่งอาจต้องมีข้อควรระมัดระวังเพิ่มขึ้น และ มีบางตำแหน่งที่ลบยากมากๆ เช่น การสักอายไลน์เนอร์ ซึ่งเป็นตำแหน่งใกล้บริเวณดวงตา
ระดับความลึก ถ้าสักเป็นลักษณะ Professional Tattoo หรือใช้เครื่องสักจะลบไม่ยากนัก แต่ถ้าสักแบบมือสมัครเล่น การสักจะอยู่คนละระดับจึงทำให้ยิ่งลบยากกว่าเดิม
ระยะห่างในการรักษา
ในแต่ละครั้งควรมีการเว้นระยะห่างประมาณ 1-2 เดือน ขึ้นอยู่กับคุณภาพผิวของแต่ละคน เพื่อให้ผิวหนังได้ผลัดเซลล์ผิวใหม่ได้อย่างเต็มที่ จะได้ไม่เสี่ยงต้องการเกิดผิวไหม้ระหว่างการทำเลเซอร์
ขั้นตอนการทำเลเซอร์ลบรอยสัก
1.คนไข้ต้องเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วยตัวเอง เพื่อวางแผนการรักษาที่ชัดเจน
2.ควรดูแลตัวเองก่อนเข้ารับการเลเซอร์ลบรอยสักอย่างเคร่งครั่ง เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียง
3.แพทย์จะเริ่มโกนขนตรงบริเวณที่จะเลเซอร์ออกหลังจากนั้นจะมีการทายาชาให้คนไข้ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อลดบรรเทาการบาดเจ็บได้
4.แพทย์จะเริ่มยิงเลเซอร์ลบรอยสัก ใช้เวลาไม่นาน ขึ้นอยู่กับขนาดของรอยสัก และ สีของน้ำหมึกที่ใช้
5.หลังทำ แพทย์จะทำความสะอาด รวมถึงทายาและปิดด้วยพลาสเตอร์กันน้ำทับอีกชั้น เป็นอันเสร็จ
การดูแลหลังการรักษา
1.งดการแกะ เกา กด จับ บีบ นวดแผลโดยเด็ดขาด
2.งดแผลโดนน้ำในช่วง 1-2 วันแรก
3.งดออกแดด เพราะทำให้เกิดอาการเจ็บแสบแผลได้ ประมาณ 1 เดือน
4.ควรทายาที่ทางสถานพยาบาลให้มาอย่างเคร่งครัด
5.ควรมาพบแพทย์เพื่อตรวจดูสภาพแผล และมายิงเลเซอร์ตามนัดครั้งต่อไป
สรุป
การลบรอยสักด้วยเลเซอร์จัดว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สำคัญในการลบรอยสักสมัยใหม่ เพราะให้ปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน อีกทั้งยังไม่ทำลายเม็ดสีผิวรอบนอกให้เสียหาย และไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ไม่ทำให้มีรอยแผลเป็น นอกจากนี้ยังดำเนินการโดยแพทย์ผู้ชำนาญการที่ใช้พลังงานเลเซอร์และจำนวนครั้งที่เหมาะสม จึงสามารถกำจัดรอยสักให้หายไปได้อย่างถาวร และช่วยทำให้ผิวหนังเรียบเนียนอีกด้วย